วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

รู้จักแมวพันธุ์ไทยแท้ 23 ชนิด ที่ปัจจุบันเหลือแมวมงคลเพียง 4 ชนิด!


 หากพูดถึง แมว เราจะนึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก น่ารัก ขี้อ้อนและแสนซนจนทำให้เจ้าของหลงรักและเลี้ยงไว้เสมือนเป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัว ซึ่งแมวนั้นก็มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่สำหรับแมวพันธุ์ไทยแท้ คนกลับไม่นิยมเลี้ยงเหมือนแมวพันธุ์ต่างประเทศ และแทบจะไม่มีใครรู้เลยว่า ปัจจุบันแมวพันธุ์ไทย เหลืออยู่เพียง 4 สายพันธุ์เท่านั้น คือ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ โกนจา และสีสวาด
 

         ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่เด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องแมวไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้จัดเสวนาเรื่อง "แมวไทย อีกสัญลักษณ์หนึ่งของชาติไทย"  ซึ่งได้มีการเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของแมวไทยโบราณพันธุ์แท้ว่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่าแมวไทยมีทั้งหมด 23 ชนิด เป็นแมวมงคล 17 ชนิด และแมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด 

         แมวมงคล 17 ชนิด มีดังนี้

         1. นิลรัตน์ 

              ลักษณะ สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได้จนถึงหัว เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย

         2. วิลาศ 

              ลักษณะ มีลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย

พันธฺุ์ศุภลักษณ์

         3. ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง 
                   
             ลักษณะ สีขนเป็นสีทองแดงตลอดตัว มีนัยน์ตาเป็นประกาย ใครเลี้ยงจักได้ยศถา ยิ่งพ้นพรรณนาเป็นอำมาตย์มนตรี

         4. เก้าแต้ม 

              ลักษณะ มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย

         5. มาเลศ หรือ แมวโคราช หรือ สีสวาด 

              ลักษณะ มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างย้อยต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำมาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล

         6. แซมเศวต 

             ลักษณะ  มีขนสีดำแซมขาว มีขนบางและสั้น รูปร่างเพรียว มีนัยน์ตาดั่งหิ่งห้อย เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย

         7. รัตนกัมพล 

             ลักษณะ ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง

พันธุ์วิเชียรมาศ

         8. วิเชียรมาศ 

             ลักษณะ เมื่อแรกเกิดมีขนสีขาวหมด พอโตขึ้นจะมีสีเปลี่ยนเป็นสีครีมอ่อน ๆ แต่ที่หน้า หาง เท้าทั้งสี่หูทั้งสองข้าง และที่อวัยวะเพศอีก 1 แห่งรวมเก้าแห่งมีสีน้ำตาล (สีเข้ม) มีนัยน์ตาประกายสีฟ้าสดใส เลี้ยงไว้มีคุณค่ายิ่งลำนักหนา จักนำโภคาพิพัฒน์สมบัติเพิ่มพูล

         9. นิลจักร 

              ลักษณะ มีลำตัวดำสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่รอบเหมือนกับปลอกคอ เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก

         10. มุลิลา 

              ลักษณะ ลำตัวดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเลี้ยงเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดีสมปรารถนา

         11. กรอบแว่นหรืออานม้า 

              ลักษณะ มีปานลักษณะอานม้าบนหลัง เชื่อว่าแมวชนิดนี้มีราคาสูงถึงแสนตำลึงทองคำ และให้เกียรติยศแก่เจ้าของ

         12. ปัดเสวตรหรือปัดตลอด 

              ลักษณะ ตัวมีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ

         13. กระจอก 

              ลักษณะ ไม่กระจอกเหมือนชื่อ ลำตัวกลมมีสีดำ รอบปากมีสีขาว ตาสีเหลือง เลี้ยงแล้วเชื่อกันว่าจะได้ที่ดินเงินทอง ไพร่ก็จะได้เป็นเจ้านายคน

         14. สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย์

             ลักษณะ ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท่าทางเดินสง่าเหมือนสิงโต เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล

         15. การเวก 

              ลักษณะ ลำตัวสีดำ จมูกสีขาว ตาเป็นประกายสีทอง เชื่อกันว่าภายใน 7 เดือนที่ได้มาเลี้ยงจะได้ยศศักดิ์และลาภจำนวนมาก

         16. จตุบท 

              ลักษณะ ตัวสีดำ เท้าทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเหลืองเหมือนดอกโสน เชื่อว่าให้คุณกับคนเลี้ยง แต่ไม่เหมาะกับคนทั่วไป สมควรเลี้ยงแก่บุคคลชั้นสูงหรือราชินิกูลเท่านั้น

         17. โกนจา หรือ ดำปลอด


              ลักษณะ มีสีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต แมวนี้เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย
 


        แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด มีดังนี้ 

        1. ทุพพลเพศ 

              ลักษณะ มีขนสีขาว ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกคำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุขเกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ

         2. พรรณพยัคฆ์หรือลายเสือ 

              ลักษณะ มีขนลายเหมือนเสือ ลักษณะขนเหมือนชุบด้วยเกลือกับแกลบ มีนัยน์ตาสีแดงเจือสีเปือกตม มีเสียงร้องเหมือนเสียงผีโป่งร้องอยู่ตามป่าเขา ถือว่าเป็นแมวให้โทษอีกชนิดหนึ่ง

         3. ปีศาจ 

              ลักษณะ เป็นแมวที่กินลูกตัวเอง ออกลูกมากี่ตัวกินหมด ลักษณะขนสาก ตัวผอม หนังยาน โบราณจัดเป็นแมวร้ายอย่านำมาเลี้ยงไว้

         4. หิณโทษ 

              ลักษณะ เป็นแมวนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย นำภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมามักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง

         5. กอบเพลิง 

              ลักษณะ เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอมันเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว

         6. เหน็บเสนียด 

              ลักษณะ มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ


        เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์แมวไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันนี้แมวมงคลสูญพันธุ์ไปแล้วถึง 13 ชนิด หลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้ชมเพียง 4 ชนิดเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่พันธุ์แมวไทยแท้เหลือน้อยลงทุกวัน เพราะคนไทยมองข้ามแมวไทยหันไปเลี้ยงแมวสายพันธุ์ของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่สถานการณ์แมวไทยน่าเป็นห่วงเพราะเด็กและแม้แต่ผู้สูงอายุบางคนยังไม่รู้จักแมวไทย โดยราคาค่าตัวแมวไทยปัจจุบันจะอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท

        ทั้งนี้ แมวไทยสามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายทำเป็นอาชีพได้ เพราะตลาดต่างชาติให้ความสนใจ ตอนนี้ตลาดในญี่ปุ่นราคาซื้อขายตัวหนึ่งถึง 200,000 แสนบาทเลยทีเดียว ซึ่งทาง คุณอิสริย รัตนะวีระวงศ์ ผู้ที่เพาะพันธุ์แมวไทยสีสวาดหรือแมวโคราช และเป็นเจ้าของ บุญมาก แมวพันธุ์สีสวาดราคา 250,000 บาท เผยว่า ปัจจุบันตลาดต่างประเทศนิยมแมวสีสวาดและแมววิเชียรมาศ ซึ่งได้รับการสั่งซื้อทั้งจากเอสโตเนีย เยอรมนี ญี่ปุ่น ส่วนสาเหตุที่ราคาแพงนั้น เนื่องจากเลี้ยงด้วยเนื้อวัวสด เลี้ยงในห้องแอร์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ได้โครงสร้างขนาดใหญ่พร้อมฝังไมโครชิปและทำวัคซีนให้ครบ มีใบรับรองหรือเพ็ดดีกรี ก่อนส่งมอบให้เจ้าของที่อายุ 4 เดือน

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

Keroro Gunso (เคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก)

Keroro Gunso (ケロロ軍曹 Keroro Gunsou, lit. Sergeant Keroro) หรือที่รู้จักในชื่อไทยว่า เคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก เป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นของอาจารย์ มิเนะ โยชิซากะ Mine Yoshizaki ) ซี่งต่อมาได้ถูกทำเป็นซีรี่ย์ออกฉายทางทีวี โดย จูนิชิ ซาโตะ ( Junichi Sato ).
เคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มมนุษย์ต่างดาวที่นำโดย สิบโทเคโรโระ Sergeant Keroro ) ซี่ งได้รับคำสั่งจากดาวเคโรนให้มายีดครองโลก (ในเรื่องมนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวจะเรียกโลกของเราว่าโพโคเพน) อย่างไรก็ตามแผนการยึดครองโลกของเหล่ามนุษย์ต่างดาวทั้ง 5 ก็ต้องล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

1. สิบโทเคโรโระ 

คโรโระเป็นหัวหน้าหน่วยจู่โจมพิเศษสังกัดการรุกรานจักรวาลระดับสิบโท มาจากหมู่ดาวแกรมม่าดาวเคราะห์ลำดับที่ 58 ดาวเคโรนมาโลกนี้เพื่อยึดครอง แต่กลับถูกพี่น้องฮินาตะจับตัวมาเป็นคนรับใช้ให้ทำงานบ้านซะนี่

เกิดวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2525 
ส่วนสูง 75 ซม.
น้ำหนัก 5.5 กิโลกรัม 
เขียวบนหัว และหน้าท้องมีสัญลักษณ์เป็นรูปดาวห้าแฉก 
บนหัวสีแดง มีหมวกสีเหลือง 
ชอบกินอิคินาริดังโงะมาก

สิบโทเคโรโระ มีอาวุธคือเคโระบอล ซึ่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้เลย แต่ดันถูกยึดไปซะนี่ ชอบทำอะไรไร้สาระเช่นต่อโมเดลกันพลา (โมเดลกันดั้ม ) และดูหนังการ์ตูนเรื่องกัปตันเกโรโระ และยังได้สร้างฐานบัญชาการอยู่ที่ใต้ดินบ้านฮินาตะอีกด้วย เวลาสั่งการไม่เคยมีครั้งไหนได้เรื่อง ลูกน้องจึงไม่ค่อยฟังคำสั่งของเขา เสียงของเคโรโระคือ เคโระเคโระเคโระเคโระ


2. พลทหารทามามะ

          เป็นตัวละครในการ์ตูนเรื่องเคโรโระ ขบวนการอ๊บอ๊บป่วนโลก เป็นลูกน้องของเคโรโระคนหนึ่งระดับพลทหารทามามะสีร่างกายสีน้ำเงินครามปนดำ มาจากหมู่ดาวแกรมม่าดาวเคราะห์ลำดับที่ 58 ดาวเคโรนมีสัญลักษณ์เป็นรูปธงหงายขึ้นมีเส้นแบ่งตงกลางข้างหนึ่งสีเขียวอีกข้างสีเหลืองมีหมวกสีเหลือง ชอบกินขนมหวานมาก ๆ 
ทามามะเกิดวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2535
ส่วนสูง 75 ซม. 
น้ำหนัก 5 กิโลกรัม
ทามามะมีท่าไม้ตายคือ ทามามะอิมแพ็คคือการปล่อยลำแสงออกจากปากและตา 
ทามามะ ฉ็อบคือการใช้นิ้วทั้งห้าประกบกับและสับลงไป 
ทามามะอายบีมคือการปล่อยแสงออกจากตา 
ทามามะคิ้กคือการเตะด้วยพลังอันมหาศาลจนได้รับฉายาว่าตัวอันตรายเพราะเวลา ที่ฉุนขึ้นมาจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ทามามะจะรักเคโรโระมากกว่าการยึดครองโลกซะอีกเสียงของทามามะคือ ทามะทามะทามะทามะทามะทามะทามะทามะ
เมื่อพลทหารทามามะฟิลส์ขาด

3. สิบตรีกีโรโระ

กิโรโระเป็นลูกน้องของสิบโทเคโรโระคน หนึ่งระดับสิบตรีมาจากหมู่ดาวแกรมม่าดาวเคราะห์ลำดับที่ 58 ดาวเคโรนมีร่างกายสีแดงอ่อนมีสัญลักษณ์เป็นรูปหัวกะโหลกสีเหลืองอยู่ที่หน้า ผากและหน้าท้อง และกีโรโระชอบขัดปืนอยู่เป็นประจำหมวกสีแดงเลือดหมู 

เกิดวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2525
ส่วนสูง 75 ซม. 
น้ำหนัก 5 กิโลกรัม
กีโรโระถนัดในการใช้ปืนมากไม่ว่าจะเป็นปืนกลรู้ไปหมดซะทุกเรื่องที่เกี่ยว กับปืนและกีโรโระได้รับฉายาว่าอสูรสงครามและกีโรโระถึงจะมีหน้าตาที่โหดมาก แต่ภายในอ่อนไหวง่าย เสียงของสิบตรีกีโรโระคือ กีโระกีโระกีโระกีโระกีโระ

4. สิบเอกคุรุรุ

                  เป็นทหารรุ่นเดียวกับสิบโทเคโรโระระดับ สิบเอกมาจากหมู่ดาวแกรมม่าดาวเคราะห์ลำดับที่ 58 ดาวเคโรนสังกัดการรุกรานจักรวาลทหารเอกหน่วยจู่โจมพิเศษ สิบเอกคุรุรุมีร่างกายสีเหลืองมี สัญลักษณ์เป็นรูปหอยอาคุสีเหลืองเข้มบนหน้าผากและหน้าท้องคุรุรุ เป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งมากสามารถประดิษฐ์สิ่งของได้ทุกอย่างที่เคโรโระสั่ง

 เกิดวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2525 

ส่วนสูง 76 ซม. 
น้ำหนัก 5.6 กิโลกรัม
คุรุรุชอบประดิษฐ์สิ่งของเพื่อไว้ใช้ในการยึดครองโลกชอบกินข้าวหน้าแกง กะหรี่มาก และมีท่าไม้ตายของคุรุรุคือสามารถสร้างบอลพลังมหาศาลขึ้นมาได้เพราะประดิษฐ์ เครื่องสร้างพลังไว้ที่หูฟังทั้งสองข้าง

 5. สิบจัตวาโดโรโระ


เป็นรุ่นเดียวกับสิบโทเคโรโระระดับ ชั้นสิบจัตวามาจากหมู่ดาวแกรมม่าดาวเคราะห์ลำดับที่ 58 ดาวเคโรนสังกัดการรุกรานจักรวาลทหารเอกจู่โจมพิเศษสิบจัตวาโดโรโระมีร่างกาย สีน้ำเงินอ่อนที่หน้าผากและหน้าท้องมีสัญลักษณ์เป็นรูปดาวสี่แฉกสีเหลือง
สิบจัตวาโดโรโระเป็นนินจาที่ เก่งมากฝีมือเหนือชั้นมากและได้เป็นทหารเอกเพราะฝีมือในเรื่องดาบและ ดาวกระจายนี่โดโรโระถนัดมาก เมื่อสมัยก่อน เขาไม่ได้ชื่อว่าโดโรโระ แต่ชื่อว่าเซโรโร่ มาเปลี่ยนเอาตอนที่มาถึงเพโคปอง(โลก)โดยบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งพวกเคโรโระยอมทำตามแต่โดยดี